
ทุเรียนถือได้ว่าเป็นสุดยอดราชาแห่งผลไม้ ด้วยรสชาติที่หวาน มัน อร่อยแตกต่างจากผลไม้ทั่วไปแล้ว ทุเรียนยังเป็นที่นิยมบริโภคกันทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศจีนทำให้ในแต่ละปีเราสามารถส่งทุเรียนออกไปขายได้ปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆและมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นในทุกปีสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างมากมาย
แต่ตอนนี้ภาพลักษณ์ของทุเรียนไทยกำลังจะเข้าขั้นวิกฤตในตลาดส่งออก เพราะเนื่องจากเกิดปัญหาเรื่องคุณภาพ เช่น การตัดทุเรียนอ่อนไปขาย การใช้น้ำยาเร่งสุก การเคลือบสีเปลือกทุเรียน ส่งผลให้ภาพลักษณ์ทุเรียนไทยเสียหาย และเหมือนกับเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเอง
อย่างล่าสุดในปีนี้พบว่าทุเรียนที่ส่งออกไปขายจีนและฮ่องกงเหลือเพียงกก.ละ 60-65 บาท จากเดิมที่ขายได้ถึง 80 บาทต่อกก. และหากในอนาตคยังไม่มีการควบคุมเรื่องคุณภาพ ไม่แน่ว่าเราอาจจะเสียตลาดไปให้คู่แข่งอย่างเวียดนาม มาเลเซีย ก็เป็นไปได้
สำหรับปัญหาเรื่องคุณภาพที่จัดได้ว่าหนักที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่องของการตัดทุเรียนอ่อน สาเหตุมาจากในช่วงต้นฤดูผลิตราคาต่อกก.สูงถึง 200 บาท ทำให้เกษตรกรจึงเร่งรีบในการตัดทุเรียนออกมาขายเพื่อส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวทุเรียนยังคงอ่อนอยู่ ส่วนอีกสาเหตุมาจากเกษตรกรกลัวพายุฝนในช่วงต้นฤดูอย่างเดือน เม.ย. จะทำให้กิ่งหักและต้นทุเรียนเกิดความเสียหาย จึงทำให้เร่งระดมตัดทุเรียนออกมาในปริมาณมากทั้งๆที่ทุเรียนยังไม่สุด เพราะมีความมั่นใจว่าอย่างไรทุเรียนจะต้องขายได้อย่างแน่นอน โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมาทั้งเรื่องคุณภาพและรสชาติ เมื่อทุเรียนถูกส่งต่อให้ผู้บริโภค ก็จะพบว่าด้อยคุณภาพ เมื่อมีการแพร่กระจายข่าวออกไปผู้บริโภคก็จะไม่กล้าซื้อ ตลาดทุเรียนจึงตกฮวบลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นทางรัฐบาลจึงได้ออกมาตราการในการป้องกันเรื่องการตัดทุเรียนอ่อนออกมาจำหน่าย ด้วยการกำหนดโทษอย่างชัดเจน ตามกฎหมายอาญา มาตรา 271 ที่ระบุไว้ว่าผู้ใดขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือ ปริมาณแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษ คือ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ฉะนั้นคุณภาพของสินค้า คือสิ่งที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคกล้าที่จะซื้อในผลผลิตของเรา หากว่าปัญหาทุเรียนยังคงเกิดขึ้นอย่างซ้ำซาก เกษตรกรหรือพ่อค้าคนกลางยังเมินเฉยและมีการลักลอบขายทุเรียนที่ด้อยคุณภาพอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เชื่อได้เลยว่าสุดยอดราชาผลไม้ของไทยจะเป็นแค่ชื่อในตำนาน เพราะไม่มีใครที่จะกล้าซื้อเพื่อนำไปบริโภคอย่างแน่นอน ถ้าเราไม่เร่งกันแก้ไขอย่างจริงจัง ถ้าพบเห็นการขายทุเรียนอ่อนก็ควรที่จะรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปจัดการในทันทีคะ