
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของอาหารเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่บ้านเรามีอยู่หลากหลายสายพันธุ์เป็นอย่างมาก วันนี้เราจะมาพูดถึงการทำให้ผักและผลไม้เก็บไว้รับประทานได้นานยิ่งขึ้นและมีรสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังส่งออกไปขายยังต่างประเทศได้อีกด้วย ประกอบกับที่ว่า AEC กำลังมีบทบาทอย่างยิ่งและช่วยให้เศรษฐกิจการแช่อิ่มผักและผลไม้ดีขึ้นอีกด้วย ผักและผลไม้ที่นิยมนำมาแปรรูปได้มีอยู่ไม่กี่ชนิดเท่านั้น ซึ่งได้แก่ สับปะรด มะม่วง มะละกอ ขนุน กล้วย ฝรั่ง ฟักเขียว มะเขือเทศ เป็นต้น
การเตรียมผักผลไม้เพื่อแปรรูปอาหารแช่อิ่ม
ต้องเลือกผลไม้ที่เกือบสุก มีเนื้อแข็ง แน่น และอยู่ในฤดูของผลไม้นั้นๆ เราจะไม่เอาลูกที่อ่อนหรือเละเด็ดขาด ต้องทำการล้างผลไม้ให้สะอาดเสียก่อนอย่าให้ดินหรือทรายยังเปื้อนผลไม้อยู่ ทำการนำผลไม้แช่น้ำปูนใส เพื่อทำให้เนื้อของผลไม้กรอบ ผลไม้บางชนิดจะไม่เหมือนกัน จึงจำเป็นต้องปลอกเปลือกหรือเอาเมล็ดออกเสียก่อนนำลงไปแช่ในน้ำปูนใส
การทำผลไม้แช่อิ่มมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน
- วิธีที่ 1 การทำผลไม้แช่อิ่มแบบเร็ว เตรียมน้ำเชื่อมปรุงรส ให้มีความหวานของน้ำตาล ร้อยล่ะ 30 ของน้ำหนักของน้ำเชื่อม จากนั้นเคี้ยวผลไม้ในน้ำเชื่อมโดยใช้ไฟอ่อนๆ ประมาณ 100 – 105 องศาเซลเซียส เคี้ยวให้น้ำเชื่อมแห้ง วิธีนี้จะใช้เวลาในการทำเพียง 3 – 4 ชั่วโมงเท่านั้น
- วิธีที่ 2 การทำผลไม้แช่อิ่มแบบช้า ทำการนำผลไม้ลงไปแช่ในน้ำเชื่อม ให้มีความหวานของน้ำตาล ร้อยล่ะ 30 ของน้ำหนักของน้ำเชื่อม ประมาณ 24 ชั่วโมง จากนั้นทำการเพิ่มความเข้มข้นของน้ำเชื่อมทุกวัน เป็นร้อยล่ะ 40 50 60 และ 65 และต้องเคี้ยวทุกวันเพื่อไม่ให้กลิ่นอับ
เมื่อนำขึ้นจากน้ำเชื่อมแล้ว ให้ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำเสียก่อน ถ้านำผลไม้แช่อิ่มที่ได้ไปทำการอบก็จะกลายเป็นผลไม้แช่มอิ่มอบแห้งทันที เป็นการเพิ่มมูลค่าของอาหารที่ดีก่อนนำส่งออกนอกประเทศ